Loading...
Loading...
นายกฤษฎากล่าวว่าผู้ลงทะเบียนรอบสองจะได้รับบัตรผู้มีรายได้น้อยประจำตัวทุกคนเพื่อเตรียมพร้อมไว้รับสวัสดิการที่รัฐบาลจะทำให้ในอนาคต เช่น การลดค่าน้ำค่าไฟฟ้า การขึ้นรถเมล์ รถไฟฟรี เป็นต้น โดยใช้บัตรดังกล่าวรูดกับเครื่องก็จะรู้ได้ทันที ว่าได้รับสวัสดิการดังกล่าวหรือไม่ นอกจากนี้กระทรวงการคลังยังอยู่ระหว่างดำเนินการให้ผู้สูงอายุที่ได้รับเบี้ยชราภาพแต่ฐานะดีสมัครใจสละสิทธิ์ เพื่อนำเงินดังกล่าวไปจ่ายเบี้ยยังชีพเพิ่มให้กับผู้สูงอายุที่ผู้มีรายได้น้อยปัจจุบันมีผู้สูงอายุเกิน 60 ปี ทั้งหมด 10 ล้านคน มี 8 ล้านคน ที่ได้รับเบี้ยคนชราเดือนละ 600-1,000 บาทต่อเดือน ในจำนวนนี้เป็นผู้สูงอายุรายได้น้อย 3.5 ล้านคน ซึ่งเบี้ยคนชราที่รับอยู่ไม่เพียงพอกับการดำรงชีพ
จากการศึกษาของกระทรวงการคลังเบี้ยคนชราที่ผู้สูงอายุควรได้รับเดือนละ 1,200-1,500 บาทต่อเดือน ซึ่งหากผู้สูงอายุมีฐานะดีสละสิทธิ์ทั้งหมดก็จะทำให้มีเงินพอจ่ายให้กับผู้สูงอายุ รายได้น้อยอย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังยังมีแผนเสนอรัฐบาลตั้งกองทุนชราภาพ โดยใช้เงินภาษีบาป สุราเบียร์และยาสูบ ส่งเข้ากองทุนโดยตรง ส่วนหนึ่งจะนำมาจ่ายเบี้ยคนชราให้เพิ่มขึ้น
นายกฤษฎา กล่าวว่า “ตอนนี้ผู้สูงอายุ 10 ล้านคน มี 2 ล้านคนที่ไมขอรับเงินโดยไม่มาลงทะเบียนรับเงินตั้งแต่ต้น ในจำนวน 8 ล้านคนมีมากกว่าครึ่งที่ฐานะดีซึ่งสศค. ต้องการเชิญชวนให้ผู้สูงอายุมีฐานะดีสละสิทธิ์การรับเบี้ยยังชีพ ซึ่งคลังอยู่ระหว่างการออกแบบใบยินยอมการสละสิทธิ์ โดยเงินดังกล่าวไปจ่ายเพิ่มให้กับผู้สูงอายุที่รายได้น้อยกว่าทันที เพื่อชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น”
ก่อนหน้านี้หลังจากที่กระทรวงการคลัง เปิดให้มีการยื่นเอกสารเพื่อขอใบอนุญาตจัดตั้งฟิโกไฟแนนซ์ มีผู้ประกอบการยื่นขอสินเชื่อ ดังกล่าวกระจายอยู่ทั่วประเทศ เช่น กรุงเทพฯ, ปทุมธานี, กำแพงเพชร, พิจิตร, บึงกาฬ,บุรีรัมย์ และภูเก็ต ทั้งนี้พบว่าจากรายชื่อของผู้ประกอบการที่ยื่นขอใบอนุญาตพิโกไฟแนนซ์ มีผู้ประกอบการที่ประกอบธุรกิจนันแบงก์, ลิสซิ่งรวมถึงผู้ประกอบการที่จดทะเบียนเป็นห้างหุ้นส่วนซึ่งบางรายเชื่อว่าน่าจะเป็นเจ้าหนี้นอกระบบมายื่นขอจดทะเบียนพิโกไฟแนนซ์ กระทรวงการคลังจะเร่งตรวจสอบเอกสารและอนุมัติผู้ที่ผ่านเกณฑ์รอบแรก โดยจะเปิดตัวและให้ใบอนุญาตผู้ประกอบการพิโกไฟแนนซ์มากกว่า 10 ราย ในวันเปิดตัวโครงการแก้หนี้นอกระบบอย่างเป็นทางการ